เว็บเรียนรู้ของอาจารย์ จินตหรา

Boll นาย อธิวัฒน์ มงคล

Boll นาย อธิวัฒน์ มงคล

วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557

เรียนรู้ blogger ของ อธิวัฒน์

ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บบล็อก blogger ของ นาย อธิวัฒน์ มงคล
เขียนโดย Unknown ที่ 20:21 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
บทความที่ใหม่กว่า หน้าแรก
สมัครสมาชิก: บทความ (Atom)

รายชื่อสมาชิกกลุ่มที่ 1

  • 216 นาย ชาญวุฒิ เกตุมาลา พี่นุ๊ก
  • 229 นาย วัชริทร์ นัยศิริ พี่ต้อง
  • 239 นาย อนุสรณ์ วิเสโส พี่เดียร์

เกี่ยวกับฉัน

Unknown
ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน

คลังบทความของบล็อก

  • ▼  2014 (1)
    • ▼  เมษายน (1)
      • เรียนรู้ blogger ของ อธิวัฒน์

การบ้านบทที่ 5


การบ้าน:เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 5
จริยธรรมสารสนเทศและสิทธิทางปัญญา
1.
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์คืออะไร
จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ คือ
· การกระทำการใด
ๆ เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ อันทำให้เหยื่อได้รับความเสียหาย และผู้กระทำได้รับผลประโยชน์ตอบแทน
· การกระทำผิดกฎหมายใด
ๆ
ซึ่งใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือและในการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่เพื่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต้องใช้ความรู้ทางเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน
· การประกอบอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศจำนวนมหาศาล
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์จึงจัดเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ
หรืออาชญากรรมทางธุรกิจรูปแบบหนึ่งที่มีความสำคัญ
ตัวอย่างของอาชญากรทางคอมพิวเตอร์
Ø พวกเด็กหัดใหม่
(Novice)
Ø พวกวิกลจริต
(Deranged
persons)
Ø อาชญากรที่รวมกลุ่มกระทำผิด
(Organized
crime)
Ø อาชญากรอาชีพ
(Career)
Ø พวกหัวพัฒนา
มีความก้าวหน้า(Con artists)
Ø พวกคลั่งลัทธิ
(Dreamer)
/ พวกช่างคิดช่างฝัน(Ideologues)
Ø ผู้ที่มีความรู้และทักษะด้านคอมพิวเตอร์อย่างดี
(Hacker/Cracker
)

2.
อธิบายความหมายของ
2.1
Hacker หมายถึง ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้
การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆเป็นอย่างมาก
สามารถถอดหรือเจาะรหัสระบบรักษาความปลอดภัยของเครื่องคอมพิวเตอร์ของคนอื่นได้มีวัตถุประสงค์ในการทดสอบขีดความสามารถของตนเองหรือทำในหน้าที่การงานของตนเอง
2.2
Cracker หมายถึง บุกรุกระบบคอมพิวเตอร์คนอื่นโดยผิดกฎหมายเพื่อทำลายหรือเอาข้อมูลไปใช้ส่วนตัวมีความหมายเดียวกับ
Hacker แต่ต่างกันที่วัตถุประสงค์ในการกระทำ
2.3 สแปมม้าโทรจัน
เป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาให้ทาตัวเหมือนว่าเป็น โปรแกรมธรรมดาทั่ว ๆ ไป
เพื่อหลอกล่อผู้ใช้ให้ทาการเรียกขึ้นมาทางาน แต่เมื่อ ถูกเรียกขึ้นมาแล้ว
ก็จะเริ่มทาลายตามที่โปรแกรมมาทันที มักถูกแนบมากับอีการ์ด อีเมล์
หรือการดาวน์โหลดโปรแกรมจากอินเทอร์เน็ต
2.4 สปายแวร์ หมายถึง
โปรแกรมที่แอบเข้ามาติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยที่ผู้ใช้อาจไม่ได้เจตนา
เพื่อสร้างความราคาญให้ผู้ใช้งาน เช่น หน้า Pop Up โฆษณา

3.
จงยกตัวอย่างกฎหมาย ICT หรือ
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มีอะไรบ้าง จงอธิบายถึงการกระทาผิดและบทลงโทษ มา 5 ตัวอย่าง
พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
มีเพื่อกำหนดความผิดในการกระทำที่มี “ระบบคอมพิวเตอร์”
เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์นี้
เป็นได้ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์วางตัก คอมพิวเตอร์พกพา Tabletโทรศัพท์มือถือ และ Smartphone รวมถึงระบบต่าง ๆ
ที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เช่น ระบบควบคุมไฟฟ้า น้ำประปา ธนาคาร ฯลฯ
เราต่างใช้อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
แน่นอนว่าย่อมมีกลุ่มหรือบุคคลที่ใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการกระทำความผิด
หรือกระทำความผิดผ่านระบบเหล่านี้ เช่น ขโมยข้อมูล ป่วนข้อมูลและระบบให้เสียหาย
การกระทำเหล่านี้ถือเป็นเรื่องใหม่ทุกวันนี้คนจำนวนมากใช้อินเทอร์เน็ตเป็นดังห้องสมุดขนาดใหญ่
โดยสรุปแล้ว
ทุกวันนี้เราเลี่ยงไม่พ้นระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่รอบตัวเรา
และนั่นทำให้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เป็นกฎหมายที่ใกล้ตัวเรามากเช่นกัน
ความผิดที่เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.
ü การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ
ü การเปิดเผยข้อมูลมาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ทีผู้อื่นจัดทําขึ้นเป็นการเฉพาะ
ü การเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยไม่ชอบ
ü การดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
ü การทําให้เสียหาย
ทําลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยไม่ชอบ
ü การส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์รบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์
ü การจําหน่ายชุดคําสั่งทีจัดทําขึ้นเพื่อนําไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทําความผิด
ü การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ทําความผิดอื่น
ü การตกแต่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ทีเป็นภาพของบุคคล

ตัวอย่างความผิดอาญาและบทลงโทษตามพ.ร.บ.
คอมพิวเตอร์
1. หากเจ้าของระบบหรือข้อมูลไม่อนุญาตแต่มีผู้แอบไปใช้ในระบบหรือพื้นที่มีความผิดจำคุกไม่เกิน
6 เดือน
2. หากแอบไปรู้วิธีการเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นแล้วเที่ยวไปป่าวประกาศให้ผู้อื่นรู้หรือทราบวิธีการเข้า ระบบนั้นๆ จำคุกไม่เกิน 1 ปี
3. ข้อมูลของผู้อื่นที่เขาเก็บรักษาไว้แต่แอบไปล้วงข้อมูลของเขามา
จำคุกไม่เกิน 2 ปี
4. ในกรณีที่ผู้อื่นส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบส่วนตัวผู้ที่ไปดักจับข้อมูลมา
จำคุกไม่เกิน 3 ปี
5. ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของผู้อื่นทำงานอยู่แต่มีคนไปปรับเปลี่ยนข้อมูลหรือแก้ไขจนผิดเพี้ยนไปจากเดิมหรือทำให้เกิดความเสียหาย
จำคุกไม่เกิน 5 ปี

นาย อธิวัฒน์ มงคล รหัส 54243269238 กลุ่ม 905

การบ้านบทที่ 4


การบ้าน:เทคโนโลยีสาระสนเทศ บทที่
4
1. สื่อกลางประเภทมีสายแต่ละประเภท
มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง จงเปรียบเทียบ
·
สายทองแดงแบบไม่หุ้มฉนวน (Unshield Twisted Pair)
·
สายทองแดงแบบหุ้มฉนวน
(Shield Twisted Pair)
·
สายโคแอคเชียล
(Coaxial)
·
ใยแก้วนำแสง
(Optic Fiber)
สื่อกลางประเภทมีสาย
ข้อดี
1.
ป้องกันสัญญาณรบกวน
2.
มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล
10/100Mbps
3.
มีฉนวนด้านนอกหนา
4.
ใช้งานในการเชื่อมต่อระยะทางใกล้ๆ
ข้อเสีย

1. ไม่สามารถใช้รับ-ส่งสัญญาณได้เกิน 185 เมตร

2. มีความเร็วในการส่งข้อมูลต่ำ


2. การนำระบบเครือข่ายมาใช้ในองค์กร
มีประโยชน์อย่างไร
1. การแลกเปลี่ยนข้อมูลทำได้ง่ายๆ
โดยผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถที่จะดึงข้อมูลจากส่วนกลาง
หรือข้อมูลจากผู้ใช้คนอื่นมาใช้ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
เหมือนกับการดึงข้อมูลมาใช้จากเครื่องของตนเอง และนอกจากดึงไฟล์ข้อมูลมาใช้แล้ว
ยังสามารถคัดลอกไฟล์ไปให้ผู้อื่นได้อีกด้วย
2. ใช้ทรัพยากรร่วมกันได้
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายนั้น
ถือว่าเป็นทรัพยากรส่วนกลางที่ผู้ใช้ในเครือข่ายทุกคน
สามารถใช้ได้โดยการสั่งงานจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของ
ตัวเองผ่านเครือข่ายไปยังอุปกรณ์นั้น เช่น มีเครื่องพิมพ์ส่วนกลางในเครือข่าย
เป็นต้น ซึ่งทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ด้วย
3. ใช้โปรแกรมร่วมกัน
ผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถที่จะรันโปรแกรมจาก
เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง เช่น โปรแกรม Word, Excel, Power
Point ได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องจัดซื้อโปรแกรม
สำหรับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง เป็นการประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อ และยังประหยัดเนื้อที่ในหน่วยความจำด้วย
4. ทำงานประสานกันเป็นอย่างดี
ก่อนที่เครือข่ายจะเป็นที่นิยม
องค์กรส่วนใหญ่จะใช้คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เช่น เมนเฟรม หรือมินิคอมพิวเตอร์
ในการจัดการงาน และข้อมูลทุกอย่างในองค์กร แต่ปัจจุบันองค์กรสามารถกระจายงานต่าง ๆ
ให้กับหลาย ๆ เครื่อง แล้วทำงานประสานกัน เช่น
การใช้เครือข่ายในการจัดการระบบงานขาย
โดยให้เครื่องหนึ่งทำหน้าที่จัดการการเกี่ยวกับใบสั่งซื้อ
อีกเครื่องหนึ่งจัดการกับระบบสินค้าคงคลัง เป็นต้น
5. ติดต่อสื่อสารสะดวกรวดเร็ว
เครือข่ายนับว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร
ได้เป็นอย่างดี ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล กับเพื่อนร่วมงานที่อยู่คนละที่
ได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว
6. เรียกข้อมูลจากบ้านได้
เครือข่ายในปัจจุบันมักจะมีการติดตั้งคอมพิวเตอร์
เครื่องหนึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าใช้เครือข่ายจากระยะไกล เช่น
จากที่บ้าน โดยใช้ติดตั้งโมเด็มเพื่อใช้หมุนโทรศัพท์เชื่อมต่อ
เข้ากับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นก็จะเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย

3. หากนำระบบเครือข่ายมาใช้ในองค์กรนักศึกษาจะเลือกรูปแบบของระบบเครือข่าย(LAN
Topology) แบบใดเพราะอะไร
โทโปโลยีแบบ Hybrid
เป็นรูปแบบใหม่
ที่เกิดจากการผสมผสานกันของโทโปโลยีแบบ STAR , BUS , RING เข้าด้วยกัน เพื่อเป็นการลดข้อเสียของรูปแบบที่กล่าวมา และเพิ่มข้อดี
ขึ้นมา มักจะนำมาใช้กับระบบ WAN (Wide Area Network) มาก
ซึ่งการเชื่อมต่อกันของแต่ละรูปแบบนั้น ต้องใช้ตัวเชื่อมสัญญาณเข้ามาเป็นตัวเชื่อม
ตัวนั้นก็คือ Router เป็นตัวเชื่อมการติดต่อกัน
เครือข่ายแบบไร้สาย (
Wireless
LAN) อีกเครือข่ายที่ใช้เป็นระบบแลน (LAN) ที่ไม่ได้ใช้สายเคเบิลในการเชื่อมต่อ
นั่นคือระบบเครือข่ายแบบไร้สาย ทำงานโดยอาศัยคลื่นวิทยุ ในการรับส่งข้อมูล
ซึ่งมีประโยชน์ในเรื่องของการไม่ต้องใช้สายเคเบิล
เหมาะกับการใช้งานที่ไม่สะดวกในการใช้สายเคเบิล
โดยไม่ต้องเจาะผนังหรือเพดานเพื่อวางสาย
เพราะคลื่นวิทยุมีคุณสมบัติในการทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางอย่าง กำแพง หรือพนังห้องได้ดี
แต่ก็ต้องอยู่ในระยะทำการ
หากเคลื่อนย้ายคอมพิวเตอร์ไปไกลจากรัศมีก็จะขาดการติดต่อได้
การใช้เครือข่ายแบบไร้สายนี้ สามารถใช้ได้กับคอมพิวเตอร์พีซี และโน๊ตบุ๊ค
และต้องใช้การ์ดแลนแบบไร้สายมาติดตั้ง รวมถึงอุปกรณ์ที่เรียกว่า Access
Point ซึ่งเป็นอุปกรณ์จ่ายสัญญาณสำหรับระบบเครือข่ายไร้สาย
มีหน้าที่รับส่งข้อมูลกับการ์ดแลนแบบไร้สาย

4. อินเตอร์เน็ตมีข้อดีต่อระบบการศึกษาไทยอย่างไร
ข้อดีของอินเทอร์เน็ต
ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดของอินเตอร์เน็ตต่อการศึกษาคือการเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การค้นหาข่าวสาร
ข้อมูลต่างๆเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นปัจจุบัน มี web
site ต่างๆเกิดขึ้นมากมายแต่ละ web site ก็ให้ข้อมูลข่าวสารในเรื่องต่างๆ
รูปแบบระบบห้องสมุดก็มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนเป็น digital library ที่มีหนังสือในเรื่องต่างๆเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ให้อ่านและค้นคว้าได้ online การใช้ email ช่วยให้การติดต่อข่าวสารระหว่างนักวิชาการเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ล่าช้าเหมือนแต่ก่อนช่วยให้การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่าง นักวิชาการในสาขาเดียวกันทั่วโลกเป็นไปได้
การเรียนแบบ online ยังช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนได้ตามขีดความสามารถของตนเอง
ใครมีความสามารถมากก็เรียนได้เร็วกว่า
นักเรียนที่ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นในห้องก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้มากขึ้นผ่านการใช้
email หรือ discussion group ค้นคว้าข้อมูลในลักษณะต่างๆ
เช่น งานวิจัย บทความในหนังสือพิมพ์ ความก้าวหน้าทางการแพทย์ ฯลฯ
ได้จากแหล่งข้อมูลทั่วโลก เช่น ห้องสมุด สถาบันการศึกษา และสถาบันวิจัย
โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาในการเดินทางและสามารถสืบค้นได้ตลอดเวลา 24
ชั่วโมง

นาย อธิวัฒน์ มงคล รหัส 54243269238
กลุ่ม 905










การบ้านบทที่ 3


การบ้าน:เทคโนโลยีสาระสนเทศ
บทที่3
1.
ขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องอิเลคทรอนิคส์แบ่งได้
3 วิธี คือ
1.1 ขั้นเตรียมข้อมูล (input) เป็นการจัดเตรียมข้อมูลที่ให้สะดวกต่อการประมวลผลมี 4 วิธี
· การลงรหัส
· การตรวจสอบ
· การจำแนก
· การบันทึกข้อมูลลงสื่อ
1.2 ขั้นตอนการประมวลผล (Processing) คือ เป็นการนำเอาโปรแกรมที่เขียนขึ้น
มาใช้เพื่อประมวลผลข้อมูลที่ได้เตรียมไว้และข้อมูลยังคงเก็บอยู่ใน คอมพิวเตอร์
ซึ่งป็นวิธีการผลิตสารสนเทศต่างๆ เช่น
· 2.1 การคำนวณ
· 2.2 การเรียงลำดับข้อมูล
· 2.3 การสรุป
· 2.4 การเปรียบเทียบ
1.3 ขั้นตอนการแสดงผลลัพธ์ (Output)
เป็นขั้นตอนการเผยแพร่สารสนเทศให้กับผู้ใช้ในรูปแบบต่างๆอาจอยู่ในรูปแบบเอกสาร
รายงาน การนำเสนอบนจอภาพ โดยการใช้คอมพิวเตอร์

2.
จงเรียงลำดับโครงสร้างข้อมูลจากขนาดเล็กไปใหญ่
พร้อมอธิบายความหมายของโครงสร้างข้อมูลแต่ละแบบ
1)
บิต (Bit) เป็นหน่วยข้อมูลที่มีขนาดเล็กที่สุด
ซึ่งเป็นข้อมูลเลขฐาน 2 คือ 0,1
2)
ไบต์ (Byte) เรียกว่า
ตัวอักขระ ,ตัวอักษร คือการนำบิตมารวมกัน
3)
ฟิลด์ (Flied) คือ
การนำไบต์หลายๆไบต์รวมกันเป็น เรียกว่าเขตข้อมูล
4)
เรคคอร์ด (Record) คือ การนำเอาฟิลด์หลายๆฟิลด์มารวมกัน เรียกว่าระเบียน
5)
ไฟล์ (Flies) คือ
เรคคอร์ดหลายๆ เรคคอร์ดรวมกัน เรียกว่า แฟ้มข้อมูล
6)
ฐานข้อมูล (Database) คือ การนำไฟล์หลายๆ ไฟล์มารวมกัน เรียกว่าฐานข้อมูล

3.
หากนำเอาระบบฐานข้อมูลมาใช้ในหน่วยงานที่นักศึกษาทำงานอยู่
สามารถมีระบบใดบ้าง และระบบฐานข้อมูลนั้นมีประโยชน์ต่อองค์กรอย่างไร
รูปแบบของระบบฐานข้อมูล
มีอยู่ 3
แบบ คือ
1)
แบบจำลองฐานข้อมูลลำดับชั้น (Hierarchical
Database Model)
2)
แบบจำลองฐานข้อมูลเครือข่าย (Network
Database Model)
3)
แบบจำลองฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational
Database Model)
ระบบฐานข้อมูลนั้นมีประโยชน์ต่อองค์กรคือ
1)
ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลสามารถใช้ข้อมูลร่วมกัน
2)
หลีกเลี่ยงความขัดแย้งของข้อมูล
3)
รักษาความถูกต้องเชื่อถือได้ของข้อมูล
4)
กำหนดระบบรักษาความปลอดภัย,กำหนดความเป็นมาตรฐานเดียวกันได้
5)
เกิดความอิสระของข้อมูล

4.
จงอธิบายความแตกต่างระหว่างการประมวลผลข้อมูลแบบแบชและแบบเรียลไทม์
1)
การประมวลผลแบบแบตซ์ (Batch
Processing) คือ
การประมวลผลข้อมูลที่ได้ทำการเก็บรวบรวมไว้เป็นชุดข้อมูล
แล้วจึงนำส่งข้อมูลเหล่านั้นไปทำการประมวลผลข้อมูลพร้อมกันทั้งหมดทีเดียวซึ่งระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลเอาไว้เพื่อรอการประมวลผล อาจจะเป็นรายวัน รายสัปดาห์
รายเดือน หรือรายปี เป็นต้น
เช่นการประมวลผลการเสียภาษีประจำปี
การคิดดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคาร
2)
การประมวลผลแบบเรียลไทม์ (Real - Time Processing) คือ
การประมวลผลทันทีทุกครั้งที่มีการส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบ บางทีอาจจะเรียกว่า การประมวลผลแบบ Transaction Processing
เช่น
ระบบเงินฝาก - ถอนเงินด้วย
ATM ของธนาคาร ระบบสำรองที่นั่งในเครื่องบิน
ระบบการตัดยอดสินค้าคงคลังทุกครั้งที่มีการสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้า เป็นต้น

การประมวลผลข้อมูลทั้งสองวิธีขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงานของระบบว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดที่จะต้องทำการประมวลผลทันทีหรือสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลไว้เป็นกลุ่มก่อนแล้วจึงทำการประมวลผลพร้อมกันทีเดียว เช่น
การประมวลผลการเสียภาษี จะทำการประมวลผล 1
ปีต่อครั้ง
เนื่องจากการคิดภาษีเป็นการคิดจากรายได้ตลอดปี
แต่การตัดยอดบัญชีเงินฝากของลูกค้าจำเป็นที่จะต้องทำการประมวลผลทันทีทุกครั้งที่มีการฝากหรือถอนเงิน เพื่อทราบยอดคงเหลือที่ลูกค้ามีอยู่ ณ
ปัจจุบัน เป็นต้น


นาย อธิวัฒน์ มงคล รหัส 54243269238 กลุ่ม 905





การบ้านบทที่ 2



1. จงอธิบายความหมาย
พร้อมยกตัวอย่างของคาดังต่อไปนี้
-
Hareware (ฮาร์ดแวร์)หมายถึง
สิ่งที่มองเห็นและจับต้องสัมผัสได้ทั้งหมดที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่อง
คอมพิวเตอร์ เมนบอร์ด(Main
board) และอุปกรณ์ต่อพ่วงรอบข้างที่เกี่ยวข้อง
- Software (ซอฟต์แวร์) หมายถึง โปรแกรม(Program) หรือชุดคำสั่งที่ควบคุมให้เครื่องคอมพิวเตอร์ ทำงานให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ซอฟต์แวร์
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท(Software)
2.1ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) ทำหน้าที่จัดการและควบคุมทรัพยากรต่างๆของคอมพิวเตอร์
และอำนวยความสะดวกด้านเครื่องมือสำหรับการทำงานพื้นฐานต่างๆตั้งแต่ผู้เริ่มใช้เปิดคอมพิวเตอร์
2.2ซอฟต์แวร์ประยุกต์
(Application Software) หมายถึงซอฟต์แวร์ที่สร้างหรือพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในงาน ด้านใดด้านหนึ่งโดย เฉพาะตามผู้ใช้ต้องการ
- Peopleware (บุคลากร) หมายถึง
เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานต่างๆและผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในหน่วยงานนั้น
บุคลากรด้านคอมพิวเตอร์นั้นมีความสำคัญมากเพราะการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานต่างๆนั้นต้องมีการจัดเตรียมเปลี่ยนระบบจัดเตรียมโปรแกรมดำเนินงานต่างๆ
- Data (ข้อมูล) ) หมายถึง
ข้อเท็จจริงหรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น คน สัตว์ สิ่งของสถานที่ฯลฯโดยอยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมต่อการสื่อสารการแปลความหมายและการประมวลผลซึ่งข้อมูลอาจจะได้มาจากการสังเกตการรวบรวม
การวัด
ข้อมูลเป็นได้ทั้งข้อมูลตัวเลขหรือสัญญาลักษณ์ใดๆที่สำคัญจะต้องมีความเป็นจริงและต่อเนื่องตัวอย่างของข้อมูล
เช่น คะแนนสอบ ชื่อนักเรียน เพศ อายุ เป็นต้น
- Information (สารสนเทศ) หมายถึง
ข้อมูลที่ได้ถูกกระทำให้มีความสัมพันธ์หรือความหมายนำไปใช้ ประโยชน์ได้ เช่น
การเก็บข้อมูล การขายรายวันแล้วนำการประมวลผล
เพื่อหาว่าสินค้าใดมียอดขายสูงที่สุดเพื่อจัดทำแผนการขายในเดือนต่อไป

2. หากนักศึกษาเป็นเจ้าของธุรกิจ ดังต่อไปนี้ (เลือก 1
ธุรกิจ) จะนำองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ ได้แก่ Hardware ,Software และ Peopleware ใดมาใช้ในธุรกิจบ้าง
เพราะเหตุใดจงอธิบาย
ตอบ ธุรกิจ หอพัก หรือ โรงแรม
การใช้ Hardware ในธุรกิจหอพัก คือการให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงแบบไร้สายที่กำลังได้รับความนิยม
ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของหอพักสามารถเพิ่มมูลค่าธุรกิจให้มีความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
สามารถสร้างรายเพิ่มเติมให้แก่ธุรกิจ
อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการอีกด้วย ลูกค้าสามารถใช้บริการอินเตอร์เน็ตไร้สายได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
เพียงเชื่อมต่ออุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค
หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่เข้ากับสัญญาณ Wi-Fi
การใช้ Software ในธุรกิจหอพัก คือช่วยจัดการธุรกิจหอพักด้วยการจัดการเกี่ยวกับข้อมูลห้องเช่า
ข้อมูลผู้อยู่อาศัยประวัติผู้อยู่อาศัย ข้อมูลพนักงานประวัติ บันทึกค่าใช้จ่าย
เป็นหมวดหมู่ได้ ออกใบแจ้งหนี้ และ ออกใบเสร็จรับเงินได้ มีรายงานค่าใช้จ่าย
รายงานรายได้ ยอดค้างชำระ สามารถใช้โปรแกรมช่วยงาน ทำสัญญาเช่า
การเข้าพักและย้ายออก ใบเสร็จรายเดือนรวมทั้งมีรายงานสรุปยอดรายรับประจำเดือนได้
การใช้ Peopleware ในธุรกิจหอพัก คือสามารถว่าจ้าง บุคคลากร
เพื่อทำหน้าที่ดูแลการจัดเก็บข้อมูลด้านนี้โดยตรง
3.
ให้นักศึกษา แสดงข้อมูล จำนวน 1 ชุด พร้อมทั้งแสดงในรูปแบบของระบบสารสนเทศ
ตอบ 3-9
มิถุนายน 2555 สัปดาห์นี้ 22 observation ครับ รวมทั้งหมด 1,702 observation .23 สัปดาห์ ต่อเนื่องสำหรับ
การทำงาน เรื่อง ความร้อน. June 03-09 ’ 2012 this week 22 observation BBP
performance overall 1,702 observation .Highlight topic of this week :





















SWP : Didn’t talk PTA with worker before
start the work








นาย อธิวัฒน์ มงคล 238 กลุ่ม 905
เทคโนโลยีการจัดการอุตสาหกรรม

การบ้านบทที่1



1.จงอธิบายความหมายของคำต่อไปนี้พร้อมยกตัวอย่างเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน

เทคโนโลยี
(Technology) หมายถึง
การนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์หรืความรู้ทางด้านอื่นๆที่ได้จัดระเบียบดีแล้วมาประยุกต์ใช้ในด้านใดด้านหนึ่งเพื่อให้งานนั้นมีความสามารถและประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของเทคโนโลยี (Technology)
เช่น พัดลม , โทรทัศน์ , โทรศัพย์,คอมพิวเตอร์ , เครื่องปรับอากาศ , ตู้เย็น , กล้องถ่ายรูป ฯลฯ
·
ตื่นนอนเราอาจได้ยินเสียงจากวิทยุซึ่งกระจายเสียงข่าวสารหรือสาระบันเทิง
·
ใช้โทรศัพท์สื่อสารกับเพื่อน
·
ดูรายการทีวีหรือวีดิทัศน์
·
เราเดินทางผ่านถนนที่มีระบบไฟสัญญาณที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์
·
ที่ศูนย์การค้าเราขึ้นลิฟต์ขึ้นบันไดเลื่อนที่มีการควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์
·
บ้านมีเครื่องปรับอากาศที่มีการควบคุมอุณหภูมิโดยอัตโนมัติ
·
ทำอาหารด้วยเตาอบซึ่งควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์
·
ซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า
สารสนเทศ
(Information) หมายถึง ข้อมูลที่ผ่านกระบวนการเก็บข้อมูลและเรียบเรียงเพื่อใช้เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้
ตัวอย่างเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของสารสนเทศ
(Information)
·
พนักงานการไฟฟ้าไปที่บ้านเพื่อบันทึกข้อมูลการใช้ไฟฟ้า
·
ในการสอบผู้เข้าสอบใช้ดินสอดำระบายตามช่องที่เลือกตอบ
·
ห้างสรรพสินค้าใช้รหัสแท่ง (bar code) เพื่อให้เครื่องอ่านเก็บรวบรวมข้อมูลเมื่อไปซื้อสินค้า
·
ห้องสมุดใช้รหัสแท่ง (bar code) เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการข้อมูลหนังสือ
·
สื่อต่างๆ, TV,การหาข้อมูลในคอมพิวเตอร์
·
การโอนเงินผ่านระบบออนไลน์
·
การใช้โทรศัพท์มือถือ
·
การใช้ E-mail

เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หมายถึง การนำเทคโนโลยีมาใช้ในงานที่เกี่ยวกับการประมวลข้อมูลเพื่อให้ได้สารสนเทศซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีการสื่อสารเพื่อช่วยในการสื่อสารและส่งผ่านข้อมูลและสารสนเทศได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น
ตัวอย่างเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของเทคโนโลยีสารสนเทศ
(Information Technology)
·
ระบบATM เป็นระบบที่อำนวยความสะดวกสบายอย่างมากให้แก่ผู้ใช้บริการธนาคารและเป็นตัวอย่างเทคโนโลยีสารสนเทศมีการใช้เอทีเอ็ม
เนื่องจาก ATM ให้บริการ24ชั่วโมง
ส่วนธนาคาร ให้บริการลูกค้าในเวลาปกติเท่านั้น คือ เฉพาะวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 8.00-14.00
น.หลังจากบ่ายสองโมงก็หมดโอกาส ได้รับบริการฝากถอนเงินแล้วทุกคนจึงหันมาใช้ตู้
ATM กันเพื่อความสะดวกสบาย

ข้อมูล (Data) คือ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ ปรากฏการณ์ คน
สิ่งของ ฯลฯ ที่เราสนใจบันทึกเก็บไว้ใช้งาน ตัวอย่างเช่น การเก็บข้อมูล
การขายรายวันแล้วนำการประมวลผลเพื่อหาว่าสินค้าใดมียอดขายสูงที่สุด เพื่อจัดทำแผนการขายในเดือนต่อไปการเก็บภาพ
วิดีโอ ที่เราบันทึกไว้จากการไปท่องเที่ยวในที่ต่างไว้

ฐานความรู้
(Knowledgebase) คือ สารสนเทศได้จัดเป็นโครงสร้างความรู้ความเข้าใจ
ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและต้องมีคุณค่าเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินงานต่างๆได้ ตัวอย่าง เช่น รายงานสรุปผลการผลิตต่อวัน รายงานสรุปผลการดำเนินการบำรุงรักษาเครื่องจักร
เป็นต้น

2. โครงสร้างสารสนเทศมี 4 ระดับคือ
1. ระดับล่างสุด
เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผลข้อมูลซึ่งเรียกว่าระบบประมวลผลรายการ(Transaction Processing System) เช่นใบเสร็จรับเงินรายการขายการควบคุมวัสดุของหน่วยงาน
2. ระดับที่สอง (Operation Control) เป็นการใช้คอมพิวเตอร์จัดทำสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับล่าง
เพื่อใช้ในการวางแผน การควบคุม และการตัดสินใจเกี่ยวเนื่องกับงานประจำวัน
3. ระดับที่สาม (Management Control) เป็นการใช้คอมพิวเตอร์จัดทำสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับกลาง
ใช้ในการจัดการและวางแผนงานระยะสั้น ตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 1 ปี
หรือแผนยุทธวิธีให้ดำเนินไปตามแผนระยะสั้นนั้นได้
4. ระดับที่สี่ หรือ (Strategic Planning) เป็นการใช้คอมพิวเตอร์จัดทำสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูง
สำหรับใช้วางแผนระยะยาวหรือแผนกลยุทธ์ เช่น ในอีก 5 ปี ข้างหน้า
องค์กรจะผลิตสินค้าใด
3. วิวัฒนาการของเทคโลยีสารสนเทศมีอะไรบ้าง
จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
1. ยุคการประมวลผลข้อมูล (Data Processing Era) เป็นยุคแรกๆของการใช้ระบบคอมพิวเตอร์
วัตถุประสงค์ช่วงนั้นคือเพื่อคำนวณและการประมวลผลข้อมูลประจำวันเพื่อลดค่าใช้จ่ายและบุคลากรลง เช่น การทำบัญชี การเก็บบันทึกข้อมูลต่างๆ
2. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
(Management Information
System : MIS) ยุคที่ 2
มีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการตัดสินใจดำเนินการควบคุม ติดตามผล
และวิเคราะห์ผลงานของผู้บริหาร เช่น วิเคราะห์ผลงานรายได้รายจ่ายขององค์กร
เป็นต้น
3. ระบบจัดการทรัพยากรสารสนเทศ
(Information Resource
Management System : IRMS) ยุคที่ 3 เป็นการเรียกใช้สารสนเทศ
เพื่อที่ช่วยในการตัดสินใจในการนำองค์กรหรือหน่วยงานไปสู่ความสำเร็จ
4. ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) หรือยุคไอที
ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีความเจริญอย่างรวดเร็ว
ทำให้มีทางเลือกและเกิดรูปแบบใหม่ของสินค้าและบริการ
รวมเรียกว่าเป็นการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีโทรคมนาคมเป็นเครื่องมือช่วยในการจัดทำระบบสารสนเทศ
โดยมุ่งเน้นการให้บริการสารสนเทศแก่ผู้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นวัตถุประสงค์สำคัญ




นาย อธิวัฒน์ มงคล

ประวัติส่วนตัว

ชื่อ นาย
อธิวัฒน์ มงคล ชื่อเล่น บอล
วัน/เดือน/ปีเกิด
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2533
เชื้อชาติ
ไทย สัญชาติ ไทย ศาสนา พุทธ
ที่อยู่ตามบัตรประชาชน 52 หมู่ 6 ต.หนองย่างชิ้น
อ.เรณูนคร จ.นครพนม 48170
ที่อยู่ปัจจุบัน
132/4หมู่
6ตำบล นิคมพัฒนา อำเภอ นิคมพัฒนา
จังหวัดระยอง 21180
สถานที่ทำงาน
บริษัท เสถียรเสตนเลสสตีล จำกัด ( มหาชน )
โรงงาน
แม่พิมพ์ แผนก CNC ตำแหน่ง ช่างกลึง CNC
ที่อยู่ที่ทำงาน 59 หมู่ 5 นิคมพัฒนา อำเภอ
นิคมพัฒนา จังหวัดระยอง 21180
ประวัติการศึกษา 2548-2552
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ( ปวช. )วิทยาลัยเทคนิคนครพนม
2552-2554 ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ( ปวส.)วิทยาลัยเทคนิคนครพนม
ประวัติการทำงาน 2554-2557บริษัท เสถียรสเตนเลสสตีล จำกัด (มหาชน)
ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่
มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ (ศูนย์อีสเทิร์นระยอง)
เป็นนักนักศึกษา
(ภาคพิเศษ) กลุ่มเรียน 5424326905 รหัสนักศึกษา 54243269238

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสองานกลุ่ม

นำเสองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม

นำเสนองานกลุ่ม
เรียบง่าย ธีม. ขับเคลื่อนโดย Blogger.